ผู้ปกครองหลายบ้านจะแนะนำบุตรหลานด้วยความหวังดีว่า อย่าไปเรียนวิชาวิทยาศาสตร์โดยตรงหรือที่เราเรียกกันว่าวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ แต่ให้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เช่น แพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น เพราะจะหางานทำได้ง่ายกว่าเมื่อเรียนจบมาแล้ว

    นี่คือความเชื่อของผู้ปกครอง หรือเป็นความจริงที่น่าเศร้าของสังคมไทยกันแน่

    ความคิดที่ว่าเรียนวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์แล้วเมื่อจบการศึกษาจะหางานทำยากนั้น ในระยะ ๑๐ ปีที่ผ่านมาก็เห็นความจริงอยู่บ้างเพราะปรากฎข่าวว่านักเรียนที่ได้วุฒิการศึกษา วทบ. ยังหางานทำไม่ค่อยได้ แต่เมื่อนำมาวิเคราะห์อย่างจริงจังจะพบว่านั่นเป็นข้อเท็จจริงสำหรับผู้ที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี แต่สำหรับผู้ที่วางแผนด้านการศึกษาล่วงหน้าในระดับสูงขึ้นไปกว่าปริญญาตรีและเรียนวิทยาศาสตร์ในระดับปริญญาตรีไว้เป็นฐาน เมื่อจบการศึกษาแล้วนอกจากจะได้งานทำทันทีแล้ว งานนั้นยังอยู่ในระดับสูงกว่าผู้ที่จบการศึกษาในระดับเดียวกันของสาขาวิชาอื่น เพราะผู้ประกอบการสมัยใหม่เข้าใจซาบซึ้งถึงคุณค่าของการใช้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มมูลค่าของกิจการ

    สำหรับประเทศไทยในระยะของการพัฒนาประเทศตอนต้น ศตวรรษที่ ๒๑ จะมีข้าราชการระดับสูงและอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษียนอายุราชการมากมาย เพียงการรับบุคลากรเข้าไปทดแทนในภาครัฐ ก็ต้องการผู้ที่มีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมากแล้ว และปัจจัยที่มีความสำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การให้ความสำคัญต่อการค้นคว้าวิจัยมากขึ้น โดยผ่านแหล่งทุนต่างๆ ก็จำเป็นอยู่เองที่ต้องให้ความสำคัญและเปิดโอกาสมากขึ้นสำหรับบุคคลที่จะเข้าใช้ประโยชน์จากกระบวนการส่งเสริมนั้น

    บอกได้เลยครับว่า คนที่ร่ำเรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์และรู้จริง ต่อจากนี้ไปไม่มีคำว่าตกงาน